งานวิจัยบอก GEN Y มีภาวะซึมเศร้า สูงที่สุดในที่ทำงาน

งานวิจัยบอก GEN Y มีภาวะซึมเศร้า สูงที่สุดในที่ทำงาน

ฉันไม่อยากเก่ง ฉันอยากถูกหวย ฉันเหนื่อย นี่เป็นคำฮิตติดตลกที่บางคนเอาไว้เป็นแคปชันตลก ๆ เวลาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วไม่ถูกรางวัล (แอดนี่ตัวดีเลยครับ) —————————————————————————————————————————————— ติดตาม Robowealth เพจที่นำเสนอคอนเท้นท์ด้าน FinTech เพื่อให้คนไทยได้เข้าใกล้การลงทุนมากขึ้น —————————————————————————————————————————————— เมื่อมองลึกเข้าไปแล้ว คำว่า “ฉันไม่อยากเก่ง ฉันอยากถูกหวย ฉันเหนื่อย” ไม่ใช่แค่แคปชันติดตลกแต่อย่างไร แต่คือ insight ความรู้สึกจริง ๆ ของคน Gen Y ซะด้วยซิ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ขั้นแรกมาดูกันก่อนว่า ‘Gen Y’ คือใคร ? Gen Y หรือ Generation Y เป็นกลุ่มคนที่เกิดในช่วงพ.ศ. 2523 – 2540 ที่ถูกเลี้ยงดูมาโดย Gen X และ Baby Boomer เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี โซเชียลมีเดีย และโลกทุนนิยม หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินผ่าน […]

ฉันไม่อยากเก่ง ฉันอยากถูกหวย ฉันเหนื่อย

นี่เป็นคำฮิตติดตลกที่บางคนเอาไว้เป็นแคปชันตลก ๆ เวลาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วไม่ถูกรางวัล (แอดนี่ตัวดีเลยครับ)

——————————————————————————————————————————————
ติดตาม Robowealth เพจที่นำเสนอคอนเท้นท์ด้าน FinTech เพื่อให้คนไทยได้เข้าใกล้การลงทุนมากขึ้น
——————————————————————————————————————————————

เมื่อมองลึกเข้าไปแล้ว คำว่า “ฉันไม่อยากเก่ง ฉันอยากถูกหวย ฉันเหนื่อย” ไม่ใช่แค่แคปชันติดตลกแต่อย่างไร แต่คือ insight ความรู้สึกจริง ๆ ของคน Gen Y ซะด้วยซิ

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

ขั้นแรกมาดูกันก่อนว่า ‘Gen Y’ คือใคร ?

Gen Y หรือ Generation Y เป็นกลุ่มคนที่เกิดในช่วงพ.ศ. 2523 – 2540 ที่ถูกเลี้ยงดูมาโดย Gen X และ Baby Boomer เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี โซเชียลมีเดีย และโลกทุนนิยม

หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินผ่าน ๆ ว่า Gen นี้เป็นกลุ่มที่สำคัญต่อการพัฒนาและกำหนดทิศทางอนาคตของสังคมมากันแล้วบ้าง ระหว่างทางที่ Gen Y ก็ถูกสังคมหล่อหลอมจนตอนนี้เป็นกลุ่มคนที่ก้าวขาเข้ามาสู่วัยของการทำงาน อย่างเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง ทะเยอทะยาน อยากรู้อยากลองทำอะไรใหม่ ๆ และชอบความอิสระด้วย

ในระหว่างชาว Gen Y ที่อยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานนั้น ก็อยากที่จะสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวควบคู่ไปด้วย นั่นก็คือ Work Life Balance นั่นเอง

แล้วยิ่งถ้ามีความยืดหยุ่นในการทำงาน สามารถเลือกเวลาเข้างานได้ หรือทำงานจากที่ไหนก็ได้แล้วล่ะก็ เป็นสิ่งที่ Gen Y นั้นจะรู้สึกว่าเจองานที่ใช่เลย และชั่วโมงการทำงานจะไม่สามารถนำมาใช้วัดผลการทำงานของคน Gen นี้ได้ แต่ให้ใช้ผลงานเป็นตัววัดแทนนั่นเอง

แน่นอนว่าเมื่อเป็น Gen ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีก็มักจะชอบใช้สิ่งใหม่ ๆ มาเป็นตัวช่วยในการทำงานและหาเงินได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด อย่างเช่น คอมพิวเตอร์ โซเชียลมีเดีย เป็นต้น

ถึงที่กล่าวมาทั้งหมดจะดูเหมือนเป็น Gen ที่คิดบวก แต่ทำไม Gen นี้ดันเป็น Gen ที่งานวิจัยหลายสำนักบอกว่าเป็น Gen ที่กดดันสุด ๆ ไปเลย Robowealth ขอพาไปดู Pain Point ของคนทำงาน Gen Y กันดีกว่าครับ

Pain Point ที่ 1 ‘งาน’

เป็นปกติที่ถ้าเราทำงานแล้วไม่เห็นคุณค่าหรือเป้าหมายของตัวเองก็จะทำให้เรารู้สึกเบื่อและไม่มี Passion ต่อให้อดทนทำงานไปวันนึงเราอาจจะอยู่ในภาวะหมดไฟได้ ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่กลับสู่สภาวะปกติ อยู่มา 2 ปีกว่าแล้ว ทำงานอยู่ที่บ้านที่เปรียบเสมือนที่พักผ่อนก็ยังไม่สามารถทำใจให้ชินได้ เราเลยทำงานอย่างไม่มีความสุข

แล้วยิ่งชาว Gen Y เป็นกลุ่มคนที่อยากจะสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวด้วยแล้ว Work From Home เลยเป็นอะไรที่กินพลังงานชีวิตเป็นอย่างมาก

Pain Point ที่ 2 ‘เงิน’

ถึงจะเจองานที่ใช่ แต่ ๆๆๆ ถ้าเงินไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจยังไงก็รู้สึกทุกข์ และแน่นอนว่าความอยากได้ย่อมมีมากสวนทางกับเงินในกระเป๋า เพราะยังไง กิเลสก็ยังคงระงับได้ด้วยการซื้อใช่มั้ยครับ 555

ทำให้ช่วงนี้ชาว Gen Y ศึกษาเรื่องการลงทุนมากขึ้น เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาในจุดนี้

Pain Point ที่ 3 ‘ความกดดัน’

Gen Y ยังเป็น Gen ที่ได้รับค่านิยมที่คอยกดดันให้เราต้องประสบความสำเร็จและต้องวิ่งตามความฝันตลอดเวลา ยิ่งมีช่วงหนึ่งที่กระแส “อายุน้อยร้อยล้าน” มาแรงนี่ยิ่งกดดันหนักเข้าไปอีก เพราะนอกจากจะต้องประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดแล้ว ก็ยังต้องสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยอีก

เมื่อต้องต่อสู้กับความคาดหวังของสังคม แต่สภาพเศรษฐกิจสังคมกลับไม่เอื้อ เช่น คน Gen นี้มักจะโดนกดดันว่าต้องมีบ้านมีรถมีเงินมีครอบครัว ถึงจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะคนรุ่นพ่อแม่เมื่อเริ่มทำงานก็เริ่มซื้อบ้านซื้อรถสร้างครอบครัวกันตั้งแต่อายุน้อย ๆ กันแล้ว

แต่เมื่อมาถึงยุคที่ Gen Y จะต้องสร้างตัวบ้าง บ้านและที่ดินกลับกลายเป็นของแพง เพราะถูกจับจองไปจะหมดแล้ว ราคาบ้านและที่ดินพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นเจ้าของได้ยาก ทำให้ Gen Y ยิ่งกดดัน

ทำให้คน Gen นี้มองซ้ายที ขวาที เมื่อเห็นเพื่อนหลาย ๆ คนประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่ดี (ในแบบที่สังคมบอก) ก็ทำให้กิดความทุกข์ และคอยถามตัวเองว่าเมื่อไหร่จะประสบความสำเร็จ พอมองย้อนกลับมาที่ตัวเองแล้วกลับไม่มีอะไรเลย

* ถึงกับมีงานวิจัยออกมาว่าเป็น Gen ที่กดดันกับชีวิตแบบสุด ๆ และยังมีปัญหา “ภาวะเป็นซึมเศร้า” สูงที่สุดในที่ทำงานอีกด้วย
(งานวิจัยจาก บริษัท Bensinger, DuPont & Associates (BDA) ทำธุรกิจให้คำปรึกษาด้านสมดุลชีวิตและการงานให้กับพนักงานในสหรัฐอเมริกา)

Robowealth จึงอยากจะ Cheer up ให้กับชาว Gen Y ทุกท่าน ที่กำลังเหนื่อยล้าจากการทำงานและการใช้ชีวิต นั่งพักสักหน่อยแล้วค่อยออกเดินกันต่อนะครับ ใจดีกับตัวเองเยอะ ๆ ก็พอครับ

ใครชอบเรื่องแบบนี้ และอยากรู้ของ Gen อื่น ๆ ด้วยก็คอมเม้นท์ไว้ได้เลยนะครับ หรืออ่านเพิ่มได้ที่ facebook.com/Robowealth เดี๋ยวครั้งหน้า เรามาดูจุดมุ่งหมายของการทำงานของ Gen อื่น ๆ กันบ้าง

#Robowealth

———————————————————————–

ข้อมูลอ้างอิง
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/245722
https://forbesthailand.com/news/hr/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B1.html