Why immigrants are more likely to become entrepreneurs l Robowealth Work EP.8

Why immigrants are more likely to become entrepreneurs l Robowealth Work EP.8

Robowork EP.8 นี้ ทาง Robowealth ได้ข้อมูลที่น่าตื่นเต้นมากเกี่ยวกับการย้ายไปทำงานต่างประเทศ เมื่อมีงานวิจัยออกมาว่า คนที่ย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ (Immigrants) มีแนวโน้มที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจและประสบความสำเร็จมากกกว่า . ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ล่ะ . เรามาเริ่มกันที่สถานการณ์โรคระบาดที่ทั้งโลกต้องเผชิญกันก่อน ชาวโรโบเวลธ์รู้มั้ยว่า บริษัทที่ผลิตวัคซีนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ผลิต Pfizer, Moderna หรือ BioNTech ก็ตาม ผู้ร่วมก่อตั้งหรือ Co-founder ของบริษัทเหล่านี้ ไม่ใช่คน Native ของ USA แต่เป็น Immigrants ทั้งสิ้น . มาดูอีกตัวอย่างนึง คนนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยีของโลก ที่เราคิดว่าเขาต้องเป็นชาวอเมริกันแน่ ๆ ก็เป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาซะขนาดนั้น แต่จริง ๆ แล้วเขาคือชาวอเมริกัน- แอฟริกาใต้ (จริง ๆ เขามี 3 สัญชาติ คือ แอฟริกาใต้ แคนาดา และอเมริกัน) . […]

Robowork EP.8 นี้ ทาง Robowealth ได้ข้อมูลที่น่าตื่นเต้นมากเกี่ยวกับการย้ายไปทำงานต่างประเทศ เมื่อมีงานวิจัยออกมาว่า คนที่ย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ (Immigrants) มีแนวโน้มที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจและประสบความสำเร็จมากกกว่า
.
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ล่ะ
.
เรามาเริ่มกันที่สถานการณ์โรคระบาดที่ทั้งโลกต้องเผชิญกันก่อน ชาวโรโบเวลธ์รู้มั้ยว่า บริษัทที่ผลิตวัคซีนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ผลิต Pfizer, Moderna หรือ BioNTech ก็ตาม ผู้ร่วมก่อตั้งหรือ Co-founder ของบริษัทเหล่านี้ ไม่ใช่คน Native ของ USA แต่เป็น Immigrants ทั้งสิ้น
.
มาดูอีกตัวอย่างนึง คนนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยีของโลก ที่เราคิดว่าเขาต้องเป็นชาวอเมริกันแน่ ๆ ก็เป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาซะขนาดนั้น แต่จริง ๆ แล้วเขาคือชาวอเมริกัน- แอฟริกาใต้ (จริง ๆ เขามี 3 สัญชาติ คือ แอฟริกาใต้ แคนาดา และอเมริกัน)
.
เปิดมา 2 เคสแบบนี้ ชักน่าสนใจละ แต่เอ้ะ มันอาจจะเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้ ที่เจ้าของบริษัทที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้จะเป็น Immigrants
.
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ เรื่อง “Immigrants มีแนวโน้มจะเป็นเจ้าของบริษัทมากกว่า” นั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ได้พูดขึ้นมาลอย ๆ แต่ถึงขั้นมีงานวิจัยออกมากันเลยทีเดียว !!!
.
งานวิจัยของ Harvard Business Review บทความ Why Immigrants Are More Likely to Become Entrepreneurs by Peter Vandor จากการศึกษา พบว่า Immigrants มีโอกาสที่จะก่อตั้งบริษัทมากกว่าคน Native โดยการ Survey จาก 69 ประเทศ
.
อย่างในสหรัฐเอง พบว่า
13.7% ของประชากร US นั้นเป็น foreign-born (ไม่ได้เกิดที่อเมริกา)
.
และในส่วนของ 13.7% นี้
20.2% ทำงานอิสระ ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือพนักงานบริษัท
25% เป็นผู้ก่อตั้ง Startup ต่างๆ
.
และตัวเลขที่ว้าวสุด ๆ เลยก็คือ ในบรรดาบริษัท Startup มูลค่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือที่เราเรียกกันว่า Unicorns นั้น มี Founder หรือ Co-Founder เป็น Immigrants ถึง 55% พูดง่าย ๆ ว่า มีคน Native กับ Immigrants ครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว หรือจะบอกว่า เป็น Immigrants มากกว่า Native ซะด้วยซ้ำ
.
ตัวเลขมาขนาดนี้ เริ่มฮือฮากันแล้วใช้มั้ยล่ะ แต่ความ Amazing ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เราไปดูกันต่อกันเลยดีกว่า
.
Peter Vandor ผู้เขียนบทความนี้ มีข้อสงสัยว่าทำไม Immigrants ถึงมีแนวโน้มที่มักจะทำธุรกิจมากกว่า จึงตั้งสมมติฐานว่า คนที่คิดจะย้ายไปต่างประเทศนั้น ก็เป็นคนที่มักจะรับความเสี่ยงได้สูงอยู่แล้ว การที่พวกเขารับความเสี่ยงได้สูงและกระหายความท้าทายนี้ ก็เป็นลักษณะนิสัยที่มักจะพบในคนที่อยากจะสร้างธุรกิจด้วยเช่นกัน ดังนั้น สองสิ่งนี้ เชื่อมโยงกันอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่
.
เมื่ออยากรู้ ก็ต้องหาคำตอบ
.
เพื่อทดสอบสมมติฐานจึงเกิดการเก็บข้อมูลที่ยาวนานจากนักศึกษาวิศวะและนักศึกษาธุรกิจ ในมหาวิทยาลัยในออสเตรีย 2 แห่ง เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2007 จากนักศึกษาจำนวน 1,300 คน โดยให้ทำ Survey เกี่ยวกับการรับความเสี่ยง ความตั้งใจในการสร้างธุรกิจและแพลนในการย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ
.
12 ปี ผ่านไป จึงเริ่มกลับมาเก็บข้อมูลอีกครั้ง เพื่อดูชีวิตการทำงานของกลุ่มตัวอย่าง เมื่อเทียบกับการ Survey รอบแรก
.
และในท่ีสุด ก็ได้คำตอบที่สำคัญของมนุษยชาติ
เพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้น คอนเฟิร์มสมมติฐาน ว่าจริง !!!
.
นักศึกษาที่รับความเสี่ยงได้สูง มีความตั้งใจสูง ก็มักที่จะแพลนไปทำงานต่างประเทศและและก็มักแพลนสร้างธุรกิจด้วย
และ 12 ปีต่อมา แผนของหลาย ๆ คน ก็เป็นจริง
.
ข้อมูลทางสถิติยังบอกอีกว่า คนที่รับความเสี่ยงได้สูง มีแนวโน้มที่จะย้ายถิ่นฐานและวางแผนจะเป็นผู้ประกอบการมากกว่าคนอื่น ๆ
.
และผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการไปทำงานต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะกลับมาประเทศตัวเองแล้ว ก็ยังจะมีแนวโน้มสร้างธุรกิจมากกว่าคนอื่น ๆ เช่นกัน
.
.
ความน่าสนใจมาก ๆ คืองานวิจัยนี้ส่งผลต่อวงการนักลงทุนอย่างมาก
.
การค้นพบครั้งนี้ ทำให้เกิดบริษัท Investor (เช่นบริษัท Unshackled Ventures* หรือ OneWay Ventures) ที่ตั้งใจให้เงินลงทุนกับบริษัท Startup ที่มี่ Founder หรือ Co-founder ที่เป็น Immigrantsโดยเฉพาะ
.
สุดยอดไปเลยมั้ยล่ะ
ซึ่งเหตุผลที่ให้เงินลงทุน ก็เพราะงานวิจัยเรื่อง Immigrants นี่เอง
.
.
ที่พูดมาทั้งหมด เราพูดกันถึงประเทศที่เกิดการอพยพเข้า
แล้วในประเทศที่เกิดการอพยพออกล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น
.
ในประเทศที่เกิดการ “อพยพออก” จะเกิดปรากฏการณ์ “สมองไหล” ( Brain Drain)
.
ถึงแม้จะบอกว่า คนที่ย้ายไปก็ยังสามารถส่งเงินกลับประเทศได้
แต่ในมุมเศรษฐกิจมหภาคแล้ว ประเทศเองไม่เกิดการจ้างงาน ไม่มีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น และการสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเลยในประเทศ
.
.
ซึ่งตอนนี้กระแสย้ายประเทศของคนทำงานในประเทศไทยนั้นมาแรงมาก มีการตั้งกรุ๊ปขึ้นมาเพื่อให้ความรู้และวิธีการเตรียมตัวเพื่อย้ายถิ่นฐานไปทำงานอย่างจริงจัง มีทั้งคนที่มีความคิดจะย้าย คนที่กำลังเตรียมตัวและคนที่ย้ายได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
แล้วชาวโรโบเวลธ์คิดเห็นยังไงบ้างงานวิจัยนี้ เห็นด้วยหรือไม่ที่คนที่ย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศมักจะสร้างธุรกิจและประสบความสำเร็จมากกว่า และคิดว่าอะไรคือเหตุผลที่เป็นแบบนั้น คอมเม้นท์กันมาได้เลย
.
.
ใครอยากอ่านเรื่องเกี่ยวกับเทคนิคการทำงานให้ Productive แบบนี้อีก
กดอ่านเพิ่มได้เลยที่
.
#Robowealth ผู้นำด้าน FinTech
.
—————————————————————
.
อ้างอิง : Harvard Business Review
บทความ Research: Why Immigrants Are More Likely to Become Entrepreneurs
by Peter Vandor
.
* บริษัท Investor ที่ตั้งใจให้เงินลงทุนกับบริษัท Startup ที่มี่ Founder หรือ Co-founder ที่เป็น Immigrantsโดยเฉพาะ -> https://www.unshackledvc.com/immigration